เข้าใจภาษีบุคคลธรรมดา
เข้าใจภาษีอากร
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตอนที่ 1
โดยหลักแล้วการเสียภาษี เงินบุคคลธรรมดา ถึงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคม ร่วมกันเหมือนเราอยู่บ้านเดียวกัน ที่จะต้องมีการบริหารจัดการบ้านให้น่าอยู่และปลอดภัยมีความสะดวกสบาย ถ้าเรามองภาพย่อๆลงมาให้ใกล้ตัวมากขึ้นเราจะเห็นการดำเนินชีวิตต่างๆของคนในบ้านของเรา ถ้าสมาชิกในบ้านคนใดมีความสามารถสร้างรายได้มาก ซึ่งก็จะช่วยให้บ้านของเรามีเงินที่จะนำมาพัฒนาบ้านมากขึ้นก็เลยต้องมีกฎหมายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาซึ่งจะกำหนดการเสียภาษีตามความสามารถของคนที่มีเงินได้เราเรียกว่าการเสียภาษีตามอัตราก้าวหน้านั่นเอง คนที่เป็นตัวแทนในการดูแลบ้านก็จะสนับสนุนและช่วยเหลือคนที่พยายามสร้างรายได้ คนที่มีรายได้ก็จะนำเงินส่วนหนึ่งจ่ายเป็นค่าส่วนกลางซึ่งเราเรียกว่าภาษี ซึ่งจะหมุนเวียนอย่างนี้ไปเรื่อยๆไปจนรุ่นลูกหลานของเรา ส่วนคนนอกบ้านที่เข้ามาในบ้านของเราและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ต่างๆหรือเข้ามาหารายได้จากบ้านของเราก็ต้องเสียค่าส่วนกลางหรือค่าภาษีให้บ้านของเราเช่นกัน เราเรียกว่า การเสียภาษีตามหลักแหล่งเงินได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามในโลกใบนี้เราไม่ได้มีบ้านของเราเพียงหลังเดียว เรายังมีเพื่อนบ้านอีกมากมายหลายหลัง บางครั้งคนในบ้านของเราก็ต้องไปหารายได้จากแหล่งนอกบ้านเพื่อเอาเข้ามาในบ้านของเราเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เองจึงมีการตกลงกันให้ชัดเจนว่า รายได้ตัวไหนบ้างที่บ้านของเราจะเก็บภาษีได้ ซึ่งเราเรียกว่า อนุสัญญาภาษีซ้อน ง่ายๆคือ หลักในการเก็บภาษีซ้อนจำภาษีต้องมีการเสียซ้ำซ้อนกันจะเก็บทั้งสองบ้าน จึงต้องมีการขจัดออก โดยปกติให้รัฐถิ่นที่อยู่ขจัดออก และภาษีซ้อนจะต้องเป็นประโยชน์ที่มากขึ้นเสมอไม่ได้เป็นโทษต่อผู้เสียภาษี ถ้าคนที่มีรายได้จะต้องเสียภาษีทั้งกับบ้านของเราและบ้านที่เกิดรายได้ ใครจะมีกำลังใจทำงานหล่ะจริงมั้ยครับ ซึ่งจะเสียภาษีไม่ไหวแน่นอน จึงเกิดข้อตกลงขึ้นโดยปกติแล้วมักจะเก็บเงินจากแหล่งที่ก่อให้เกิดเงินได้นั่นเอง หลายคนเห็นว่ากฎหมายเป็นเรื่องยากใช้ภาษาที่ซับซ้อนแต่ถ้าได้ศึกษาจริงๆแล้วกฎหมายจำเป็นจะต้องเขียนด้วยภาษาที่รอบครอบเพื่อป้องกันการโต้แย้งกันต่างๆนานา จนเกิดคดีความกันขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง คนจะมักเก่งกฎหมายหลังจากที่ตนได้รับโทษหรือมีประสบการณ์ตรงแล้ว แต่บางครั้งอาจจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีกซึ่งไม่ดีแน่ๆ เราต้องมีความเข้าใจไว้บ้างอย่างน้อยก็เรื่องที่เกี่ยวข้องกับแหล่งเงินได้ของเราในปัจจุบัน
เราจะพบว่าหากบ้านเราขาดคนที่เสียสละ มีแต่คนเห็นแก่ตัวที่อยู่ในบ้านอะไรจะเกิดขึ้น บ้านของเราคงไม่มีความสามารถที่จะพัฒนาได้แน่นอน คนในบ้านจะอยู่ได้ก็จะต้องพยายามขายสินทรัพย์ภายในบ้านจนหมดตัว ถึงแม้เราเองอาจจะมองว่าสินทรัพย์ภายในบ้านมีเยอะแต่อย่าลืมว่าคนในบ้านเราก็มีเยอะเช่นกัน ดังนั้นการที่จะทำให้บ้านเราอยู่ได้อย่างยั่งยืนคงต้องมีความพอเพียงและไม่เห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง
จบหล่ะ่ ขอบคุณมากครับ